ประวัติวันแม่ และความหมายของดอกมะลิ

Publié le par At Sa Djan Jai

        ประวัติวันแม่ และความหมายของดอกมะลิ

  

แม่.....
คำนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในใจลูกทุกคน จนยากที่จะเปรียบเทียบได้กับทุก
สรรพสิ่งในโลก ดังคำขวัญที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้พระราชทานไว้ว่า
 
  
“แม่..... เป็นพระอรหันต์ของลูก คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์
อย่าลืมว่ามีพระอรหันต์อยู่กับตัวแล้ว ควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่อง ได้”


พระคุณของแม่อันประกอบไปด้วยความรักที่มีต่อลูกอย่างสุดหัวใจเช่นนี้
คงไม่ยากจนเกินไปนัก หากเอ่ยคำว่า “รัก” ให้แม่ได้ชื่นใจบ้าง เพราะคุณอาจ
โชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่ได้เพียงแต่รำลึกถึงพระคุณแม่ผ่านภาพและเงาที่
ตราตรึงไว้ในความทรงจำเท่านั้นว่า
    “ลูกรักแม่”

ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายาม
เรียกร้อง ให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนาเอ็ม. จาร์วิสคุณครูแห่งรัฐฟิลาเดล
เฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ. 2457)
โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของ เดือน
พฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็ คือ
ดอกคาร์เนชั่น  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับ
ตกแต่งบ้านหรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู  แต่ถ้าแม่ ถึง แก่กรรมไปแล้ว
ให้ประดับด้วย ดอกคาร์เนชั่นสีขาว

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม
พ.ศ. 2486 ณ. สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจาก
ช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่  2  งานวันแม่ในปีต่อมา จึงต้องงดไปโดย
ปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายาม
รื้อฟื้นให้มี   วันแม่ ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนด วันแม่ ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรอง
ของรัฐบาล
คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปีก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีกด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรม
แห่งชาติผู้จัดงาน วันแม่ ขาดผู้สนับสนุนซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบ
ไปนั่นเอง
 
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทยเห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป
จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่คือวันที่ 4 ตุลาคม
พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่า
ควรกำหนดวันแม่ ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม่โดยให้ถือว่าวันเสด็จ
พระราชสมภพของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม
เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของ วันแม่....
ตั้งแต่นั้นมา

เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอก
ได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับ ความรัก..... อันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

           งามเหมือนเพชร

             ยามบานเต็มที่

  ดอกบานและดอกตูมดูสวยงาม
               
             อุ่นไอรัก...จากแม่ 

     กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น
     มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
     ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
     ประครองป้องผองภยันอันตราย
 
     กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด
    ที่ถ่ายทอด “คำรัก” หลากความหมาย
    กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย
    ฤาเทียบสายใยรักจาก…มารดา

     ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่
     แม่คือ “ครู” สอนอ่านเขียนเรียนภาษา
     ให้คำเตือน…เสมือนแสงแห่งปัญญา
     ให้วิชาคือ  “รู้คิด”  ที่ติดตน

  
     ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า
     ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
     แล้วหันมองรอบกาย…คล้ายมืดมน
     ยังพบคนหนึ่ง…คือแม่…คอยแลมอง

  
     แม่จ๋า…แม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ
     แม่...เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
     แม่...สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
     เกินยกย่องด้วยล้านคำ…พร่ำพรรณนา

  
      
หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น
     ระลึกคุณ  แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
     มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
     เป็นมาลาหอม “รัก”  กราบจากใจ


           ดอกเอ๋ยดอกมะลิ 
          สดสะอาดปราศสีราคีระคน 
          กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง 
          อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย 
          ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น 
          เหมือนกมลใสสดหมดระคาย 
          เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย 
          ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย
ชื่อ :.. มะลิ มะลิลา มะลิหลวง มะลิซ้อน
ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อพฤกษศาสตร์ :.. Jusminum adenophyllum.
วงศ์ :.. OLEACEAE
ชื่อสามัญ :..
-
ถิ่นกำเนิด :.. - ประเทศอินเดีย จีน อิหร่าน
ลักษณะทั่วไป :.. เป็นพรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ ไปตามก้านต้นลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ดอก มีสีขาวกลิ่นหอมมีทั้งดอกลาและดอกซ้อนออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ :.. เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำ หรือตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา :.. มะลิ นอกจากจะมีกลิ่นหอมไว้ดมแล้ว มะลิดอกแห้งใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา
Pour être informé des derniers articles, inscrivez vous :
Commenter cet article